วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

เก็ง แพ่ง ข้อ6 เตรียมสอบผู้พิพากษา สนามใหญ่ 25 กพ. 66 ชุดที่1

 เก็งกลุ่มมาตรา กฎหมายแพ่ง ข้อ6

 เตรียมสอบผู้พิพากษา สนามใหญ่ 25 กพ. 66 ชุดที่1


https://www.lawsiam.com/?name=Judge-Exam&file=filedetail&max=873



เก็ง แพ่ง ข้อ8 เตรียมสอบผู้พิพากษา สนามใหญ่ 25 กพ. 66 ชุดที่1

 เก็งกลุ่มมาตรา กฎหมายแพ่ง ข้อ8

เตรียมสอบผู้พิพากษา สนามใหญ่ 25 กพ. 66 ชุดที่1

 

https://www.lawsiam.com/?name=Judge-Exam&file=filedetail&max=872

เก็ง กฎหมายแพ่ง ข้อ7 เตรียมสอบผู้พิพากษา สนามใหญ่ 25 กพ. 66 ชุดที่1

 เก็งกลุ่มมาตรา กฎหมายแพ่ง ข้อ7

เตรียมสอบผู้พิพากษา สนามใหญ่ 25 กพ. 66 ชุดที่1


https://www.lawsiam.com/?name=Judge-Exam&file=filedetail&max=870

วันอาทิตย์ที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566

เก็ง มาตรา กฎหมายรัฐธรรมนูญ (สอบผู้ช่วยผู้พากษา สนามใหญ่) 4 มี.ค 2566

 เก็ง มาตรา กฎหมายรัฐธรรมนูญ 

(สอบผู้ช่วยผู้พากษา สนามใหญ่) 4 มี.ค 2566

https://www.lawsiam.com/?name=Judge-Exam&file=filedetail&max=858

เก็ง กฎหมายรัฐธรรมนูญ (สอบผู้ช่วยผู้พากษา สนามใหญ่) 4 มี.ค 2566 ชุดที่2

 เก็ง กฎหมายรัฐธรรมนูญ

 (สอบผู้ช่วยผู้พากษา สนามใหญ่) 4 มี.ค 2566 ชุดที่2

https://www.lawsiam.com/?name=Judge-Exam&file=filedetail&max=861


เก็งกลุ่มมาตรา วิแพ่ง ข้อ 10 เตรียมสอบผู้พิพากษา สนามใหญ่ 11 มีนาคม 66

 เก็งกลุ่มมาตรา วิแพ่ง ข้อ 10

 เตรียมสอบผู้พิพากษา สนามใหญ่ 11 มีนาคม 66

https://www.lawsiam.com/?name=Judge-Exam&file=filedetail&max=864


เก็ง กลุ่มมาตรา กฎหมายแรงงาน เตรียมสอบผู้พิพากษา สนามใหญ่ 4 มีนาคม 66 ชุดที่1

 เก็ง กลุ่มมาตรา กฎหมายแรงงาน

เตรียมสอบ ผู้ช่วยพิพากษา สนามใหญ่ 4 มีนาคม 66 ชุดที่1

 

 

https://www.lawsiam.com/?name=Judge-Exam&file=filedetail&max=869

 

วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

“หญิง” กับ “หญิง” ไม่ใช่ “สามีภริยา” ตามความหมายของมาตรา ๗๑ วรรคแรก

 

       หญิง” กับ “หญิง” ไม่ใช่ “สามีภริยา” ตามความหมายของมาตรา ๗๑ วรรคแรก

        ฎีกาที่ ๒๘๘๗/๒๕๖๓ โจทก์ร่วมมิได้มอบการครอบครองทรัพย์ให้จําเลย ครอบครองแทนทั้งยังกําชับมิให้จําเลยยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินส่วนตัวของโจทก์ร่วม การที่จําเลยเอาทรัพย์สินส่วนตัวของโจทก์ร่วมไปจํานําและนําเงินที่ได้จากการจํานําไปเป็นของตน จึงเป็นการเอาทรัพย์ของโจทก์ร่วมไปโดยมีเจตนาทุจริตเป็นความผิดฐานหลักทรัพย์มิใช่ความผิดฐานยักยอก

        โจทก์ร่วมและจําเลยจดทะเบียนสมรสกันที่ประเทศอังกฤษ เมื่อปี ๒๕๕๗ แม้ว่า ป.พ.พ. มาตรา ๑๔๕๙ วรรคหนึ่ง จะบัญญัติว่า “การสมรสในต่างประเทศ ระหว่างคนที่มีสัญชาติไทยด้วยกัน หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทย จะทําตามแบบที่กําหนดไว้ตามกฎหมายไทยหรือกฎหมายแห่งประเทศนั้นก็ได้” และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการขัดกันแห่งกฎหมาย พ.ศ.๒๔๘๑ มาตรา ๒๐ วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า “การสมรสซึ่งได้ทําถูกต้องตามแบบที่บัญญัติไว้ในกฎหมายแห่งประเทศที่ทําการสมรสนั้น ย่อมเป็นอันสมบูรณ์” ก็ตาม แต่อย่างไรก็ดี มาตรา ๑๙ แห่ง พ.ร.บ. ดังกล่าวบัญญัติว่า “เงื่อนไขแห่งการสมรสให้เป็นไปตามกฎหมายสัญชาติของคู่กรณีแต่ละฝ่าย” เมื่อจําเลย และโจทก์ร่วมเป็นผู้มีสัญชาติไทย ดังนั้น ในการพิจารณาถึงความสมบูรณ์แห่งการสมรส ระหว่างจําเลยและโจทก์ร่วมจึงต้องพิจารณาตาม ป.พ.พ. บรรพ ๕ หมวด ๒ เรื่อง เงื่อนไขแห่งการสมรสประกอบด้วย เมื่อมาตรา ๑๔๔๘ บัญญัติว่า “การสมรสจะทําได้ ต่อเมื่อชายและหญิงมีอายุสิบเจ็ดปีบริบูรณ์แล้ว” แสดงว่าการสมรสจะสมบูรณ์ต่อเมื่อคู่สมรสเป็นชายและหญิง เมื่อจําเลยและโจทก์ร่วมต่างก็เป็นหญิง การสมรสระหว่างจําเลยและโจทก์ร่วมจึงไม่ต้องด้วยเงื่อนไขของการสมรสตามกฎหมายไทย จําเลยและโจทก์ร่วมไม่มีสถานะเป็นสามีภริยาตามกฎหมาย กรณีจึงไม่ต้องด้วยเหตุยกเว้นโทษ ตาม ป.อ. มาตรา ๗๑



อ้างอิง :  กฏหมายอาญา มาตร 59-106 (อ.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์) สมัยที่74

ข้อแตกต่างระหว่างการกระทําโดยป้องกันและการกระทําโดยจําเป็น

 

ข้อแตกต่างระหว่างการกระทําโดยป้องกันและการกระทําโดยจําเป็น

        ๑. การกระทําโดยป้องกัน กฎหมายถือว่า ผู้กระทําไม่มีความผิด ส่วนการกระทําโดยจําเป็น ผู้กระทํามีความผิดแต่กฎหมายยกเว้นโทษ

        ๒. หากภยันตราย เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมาย หากมี กระทําต่อผู้ก่อภัย ถือเป็นการกระทําโดยป้องกัน หากกระทําต่อบุคคลที่สาม ถือ เป็นการกระทําโดยจําเป็น

การกระทําโดยจําเป็น เป็นการกระทําต่อบุคคลที่สาม ซึ่ง ไม่ใช่ผู้ก่อภัย

 

การกระทําโดยจําเป็น เป็นการกระทําต่อบุคคลที่สาม ซึ่ง ไม่ใช่ผู้ก่อภัย

        ฎีกาที่ ๓๐๗/๒๔๘๙ วินิจฉัยว่า กรณีดังต่อไปนี้เป็นการกระทําโดยจําเป็น เกินสมควรแก่เหตุ จําเลยไปช่วยงานแต่งงาน และมีคนไล่ ทําร้ายจําเลย จําเลย วิ่งหนีจะไปทางห้องที่พวกเจ้าบ่าวเจ้าสาวอยู่ มีคนกั้นไม่ให้จําเลยเข้าไป จําเลยใช้ มีดแทงเขาตาย ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เป็นการกระทําโดยจําเป็น แต่เกินสมควรแก่เหตุ

ข้อสังเกต

        ๑. จําเลยถูกฟ้องในความผิดฐานฆ่าคนตายโดยไม่เจตนา แสดงว่าจําเลยมีเจตนาทําร้าย ทําร้ายกับทําร้าย ถือว่า “เป็นสัดส่วน” จึงเกินสมควรแก่เหตุ ตามมาตรา ๖๗ (๒) เพราะมีคนวิ่งไล่จะทําร้ายจําเลย

        สรุป คือ มีคนจะกระทําความผิดมาตรา ๒๙๕ ต่อจําเลยจําเลยไปกระทําความตามมาตรา ๒๙๕ ต่อบุคคลที่สามที่ยืนกั้นหน้าห้อง เพื่อให้จําเลยพ้นภยันตราย อย่างนี้เป็นสัดส่วน เพราะคนที่กั้นอยู่หน้าห้อง เป็นบุคคลที่สาม ไม่ใช่ผู้ก่อภัย

        ๒. แต่ถ้าจําเลยไม่กลัวคนร้าย จําเลยใช้มีดแทงคนร้ายบาดเจ็บ ถือว่า เป็นการ “ป้องกันพอสมควรแก่เหตุ” เพราะได้ “สัดส่วน” เนื่องจากคนร้ายคือ “ผู้ก่อภัย”

        แม้คนร้ายจะล้มลงหัวฟาดพื้นตาย*** ก็เป็นป้องกันพอสมควรแก่เหตุเช่นกัน ตามหลักในเรื่อง “สัดส่วน” ของการ “ป้องกัน” (เทียบฎีกาที่ ๑๐๔๙๗/๒๕๕๓)



อ้างอิง : กฏหมายอาญา มาตร 59-106 (อ.เกียรติขจร วัจนะสวัสดิ์) สมัยที่74