แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ถอดเทปเนติ ภาค 2 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ ถอดเทปเนติ ภาค 2 แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ถอดเทปเนติ 2/70 สัมมนาวิ.แพ่ง อ.อดุลฯ 22 พ.ย 60 (ภาคค่ำ) ครั้งที่1

ถอดเทปเนติ+เน้นประเด็นสำคัญ ที่น่าออกสอบ* สัมมนาวิ.แพ่ง อ.อดุลฯ
วันที่ 22 พ.ย 60 (ภาคค่ำ) ครั้งที่1 เนติ ภาค2/70
----------------------



วิธีใช้งาน : เพียงเข้าระบบ + กดดาวน์โหลดตามลิงค์ข้างต้น.

วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560

ฎีกาใหม่ ถอดคำบรรยายเนติ วิ.อาญา ภาค1-2 (อ.จุลสิงห์ วสันตสิงห์) วันที่ 20 พ.ย.60 ภาคปกติ สัปดาห์ที่1 สมัยที่ 2/70

ฎีกาถอดคำบรรยายเนติฯ* วิ.อาญา ภาค1-2 (อ.จุลสิงห์ วสันตสิงห์) 
 วันที่ 20 พ.ย.60 ภาคปกติ สัปดาห์ที่1 สมัยที่ 2/70
----------------------

ผู้เสียหาย

            คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 15933/2557 การที่จำเลยเข้าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินที่เกิดเหตุระหว่างที่โจทก์ร่วมครอบครองอยู่ แม้ขณะนั้นที่ดินที่เกิดเหตุเป็นที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินซึ่งคณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ออกหนังสืออนุญาตให้จำเลยเข้าทำประโยชน์แล้วก็ตาม แต่เมื่อจำเลยยังไม่ได้สิทธิครอบครองอย่างสมบูรณ์ เพราะมิได้เข้าครอบครองที่ดินที่ทางราชการจัดสรรให้ โดยโจทก์ร่วมกลับเป็นฝ่ายครอบครองอยู่ก่อนแล้ว การกระทำของจำเลยจึงเป็นการขัดขวางรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยปกติสุขของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมจึงเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยตาม ป.วิ.อ. มาตรา 2 (4) มีอำนาจยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์และขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน กับทั้งความผิดฐานบุกรุกในเวลากลางคืนเป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ไม่ใช่ความผิดต่อส่วนตัว พนักงานสอบสวนมีอำนาจสอบสวนได้โดยไม่ต้องมีคำร้องทุกข์ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 121 วรรคหนึ่ง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง เมื่อศาลอุทธรณ์ภาค 3 ยังไม่ได้วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยในข้ออื่น จึงเห็นสมควรย้อนสำนวนไปให้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยที่ยังไม่ได้วินิจฉัยแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี


          คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3987/2557 ข้อเท็จจริงปรากฏว่า ตามปกติโจทก์ร่วมจ่ายเงินค่าซื้อข้าวโพดหวานให้เกษตรกรภายใน 7 วัน ถึง 15 วัน นับแต่วันที่ซื้อ หากเกษตรกรรายใดประสงค์จะขอรับเงินก่อนภายใน 1 ถึง 2 วัน จะต้องขายลดสิทธิการรับเงิน โดยเกษตรกรต้องแจ้งให้จำเลยทราบแล้วจำเลยเป็นผู้มีหน้าที่รวบรวมเอกสารเสนอเพื่อขออนุมัติกับกรรมการผู้จัดการของโจทก์ร่วมก่อน เมื่ออนุมัติแล้ว ม. กรรมการผู้จัดการของโจทก์ร่วมจะสั่งจ่ายเงินจากบัญชีของตนเองจ่ายไปก่อน การจ่ายเงินของ ม. ดังกล่าวจึงเป็นเงินส่วนตัวของ ม.ทั้งสิ้นหาใช่เงินของโจทก์ร่วมซึ่งมีฐานะเป็นบุคคลต่างหากจาก ม. ไม่ แม้ ม. มีความสัมพันธ์ในฐานะเป็นกรรมการผู้จัดการของโจทก์ร่วมก็ตาม แต่ ม. ก็ได้รับเงินส่วนต่างจากการขายลดสิทธิที่เป็นกำไรเป็นของตนเองแต่เพียงผู้เดียวตามที่โจทก์ร่วมยอมรับในคำแก้อุทธรณ์ ส่วนข้อที่กล่าวอ้างว่าให้ ม. จ่ายเงินส่วนตัวไปก่อนเพื่อมิให้ผิดหลักการการจ่ายเงินในการซื้อวัตถุดิบไม่ให้เสียระบบการจ่ายเงินนั้นไม่สมเหตุสมผล ทั้งไม่มีผลทำให้โจทก์ร่วมซึ่งไม่ใช่ผู้เสียหายอยู่แล้วกลายเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายแต่อย่างใด โจทก์ร่วมจึงไม่ใช่ผู้เสียหายในความผิดฐานฉ้อโกง


ฎีกาเด่น* ถอดคำบรรยายเนติฯ* วิ.อาญา ภาค1-2 (อ.จุลสิงห์ วสันตสิงห์) 20 พ.ย.60 ภาคปกติ สัปดาห์ที่1 สมัยที่ 2/70

ฎีกาเด่น ถอดคำบรรยายเนติฯ* วิ.อาญา ภาค1-2 (อ.จุลสิงห์ วสันตสิงห์) 
20 พ.ย.60 ภาคปกติ สัปดาห์ที่1 สมัยที่ 2/70
--------------

          คำพิพากษาฎีกาที่ ๘๕๗๕/๒๕๕๑ ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป. ประกอบอาชีพ รับจ้างขนส่งสินค้า ได้รับมอบสินค้าจากห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ. เพื่อนำไปส่งให้แก่ร้าน ห. ลูกค้า ห้างหุ้นส่วนจำกัด ป. จึงเป็นตัวแทนของห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ. และได้ความจาก ม. พนักงานของห้างหุ้นส่วน ฮ. พยานโจทก์ว่า ร้าน ห. ได้สั่งซื้อสินค้าทางโทรศัพท์ และเมื่อลูกค้าได้รับสินค้าแล้วจึงจะชำระเงิน แสดงว่าการส่งมอบสินค้าดังกล่าวจะเป็นไปตามที่ลูกค้าต้องการหรือไม่ยังไม่แน่นอน เพราะต้องให้ลูกค้าตรวจสอบก่อน หากใช่ตามที่ต้องการตกลงซื้อขายกันแล้วจึงจะชำระเงิน เมื่อสินค้าดังกล่าวยังไม่มีการชำระราคา และยังไม่ได้ส่งมอบให้แก่ร้าน ห. กรรมสิทธิ์ในสินค้าดังกล่าวจึงยังเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ. การที่มีผู้โทรศัพท์มาหลอกลวง ส. ซึ่งเป็นพนักงานของห้างหุ้นส่วนจำกัด ป. และมารับสินค้าไป ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ. ซึ่งเป็นตัวการและเป็นเจ้าของสินค้าย่อมได้รับความเสียหาย ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ. จึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย มีสิทธิร้องทุกข์ขอให้ดำเนินคดีแก่ผู้หลอกลวงในความผิดฐานฉ้อโกงได้
ในคดีนี้ศาลฎีกาเห็นว่ากรรมสิทธิ์ในสินค้ายังเป็นของห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ ผู้ว่าจ้างส่งสินค้าถ้ามีผู้หลอกลวงผู้รับจ้างขนส่งคือ ป ให้มารับสินค้าไป ห้างหุ้นส่วนจำกัด ฮ ซึ่งเป็นตัวการและเป็นเจ้าของสินค้าย่อมได้รับความเสียหายจึงเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายมีสิทธิร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีในข้อหาฉ้อโกงได้ และในอีกหลายคดีที่มีผู้เสียหาย ได้หลายคนโดยเฉพาะเกี่ยวกับทรัพย์ เช่น คดีเรื่องเช่าซื้อรถยนต์มีการเบียดบังหรือลักรถที่เช่าซื้อไป ผู้ให้เช่าซื้อซึ่งเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ก็เป็นผู้เสียหายได้ ผู้เช่าซื้อซึ่งเป็นผู้ครอบครองก็เป็นผู้เสียหายได้ หรือคดีที่มีการทำร้ายร่างกายหลายๆ คน ดังนั้นต่างคน ต่างเป็นผู้เสียหาย สิทธิของผู้เสียหายแต่ละคนก็ว่ากันไป
เพราะฉะนั้นในคำพิพากษาฎีกานี้ ผู้ที่ถูกหลอกลวงคือ ผู้รับจ้างขนสินค้าแต่ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าเจ้าของสินค้าซึ่งไม่ได้ถูกหลอกลวงแต่ได้รับความเสียหายจากความผิดฐานนี้ก็เป็นผู้เสียหายได้

คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๘๕๘/๒๕๔๑ การที่จำเลยนำข้อความอันเป็นเท็จว่าจำเลยทำสมุดคู่ฝากเงินออมทรัพย์และบัตร เอ.ที.เอ็ม. ที่ธนาคาร ก. ออกให้แก่จำเลย สูญหายไปแจ้งต่อเจ้าพนักงานก็เพื่อประสงค์จะให้เจ้าพนักงานออกหลักฐานนำไปขอสมุด คู่ฝากเงินออมทรัพย์และบัตร เอ.ที.เอ็ม ใหม่จากธนาคาร ก. เท่านั้น อันเป็นการกระทำต่อเจ้าพนักงานโดยตรง มิได้เจาะจงว่ากล่าวถึงโจทก์ซึ่งเป็นผู้ที่จำเลยนำสมุดคู่ฝากเงิน ออมทรัพย์และบัตร เอ.ที.เอ็ม มอบให้เพื่อเป็นหลักประกันการกู้ยืมแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่ได้รับความเสียหายโดยตรง ทั้งโจทก์ก็ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะบังคับชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืมจากสมุดคู่ฝากเงินออมทรัพย์และบัตร เอ.ที.เอ็ม ดังกล่าว โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายและไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะว่าการแจ้งความเท็จอันเป็นเหตุให้ประชาชนหรือผู้อื่นเสียหายนั้นเจ้าหนี้ไม่ได้เสียหายอะไร เพราะเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิบังคับชำระหนี้จากเอกสาร ดังกล่าวได้อยู่แล้ว
แต่ถ้าเปลี่ยนข้อเท็จจริงว่า ไปกู้ยืมเงินแล้วให้บัตรเอทีเอ็มไว้เป็นประกัน และเพื่อการชำระหนี้ถึงกำหนดชำระหนี้ให้เจ้าหนี้ไปกดเงินเอาจากบัตรเอทีเอ็มและเป็นส่วนหนึ่งของการชำระหนี้ ดังนั้นถ้าลูกหนี้ไปแจ้งว่าบัตรเอทีเอ็มหายเจ้าหนี้ซึ่งถือบัตรเอทีเอ็มไว้เพื่อบังคับชำระหนี้ก็จะเบิกเงินไม่ได้เพราะบัตรเอทีเอ็มถูกยกเลิกใช้ไม่ได้ก็จะทำให้เจ้าหนี้ได้รับความเสียหาย

คำพิพากษาฎีกาที่ ๔/๒๕๓๓*** รับเงินค่าสินค้าไว้ในฐานะตัวแทนโจทก์ร่วม ถ้าเบียดบังโจทก์ร่วมก็เป็นผู้เสียหาย เมื่อจำเลยครอบครองเงินของโจทก์ร่วมแล้วไม่ส่งมอบตามหน้าที่ก็เป็นความผิดฐานยักยอกโจทก์ร่วมก็จะเป็นผู้เสียหาย