เก็งเนติฯ วิแพ่ง ภาค3 ภาค2 สมัยที่70
----------------------------
กรณีที่จำเลยแถลงไม่ติดใจที่จะยกเป็นข้อต่อสู้หรือสละข้อต่อสู้นั้นแล้ว
จำเลยไม่มีสิทธิที่จะยกขึ้นในชั้นอุทธรณ์หรือฎีกาอีก
คำพิพากษาฎีกาที่ ๔๒๐๖/๒๕๔๐ จำเลยยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องว่า
ผู้รับมอบอำนาจไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะเป็นการมอบอำนาจทั่วไป ซึ่งเป็นปัญหาอันเกี่ยว
ด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนขึ้นต่อสู้ไว้ในคำให้การแล้ว แต่ต่อมาได้แถลงไม่
ติดใจที่จะต่อสู้ต่อไป ประเด็นข้อพิพาทเรื่องอำนาจฟ้องจึงยุติไปตามคำแถลงของจำเลย
จำเลยไม่มีสิทธิยกขึ้นฎีกาตามมาตรา ๒๔๙ วรรคสอง เพราะตามมาตราดังกล่าวจะต้องเป็นกรณีที่จำเลยมิได้ยกปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องขึ้นต่อสู้ในศาลชั้นต้นหรือศาลอุทธรณ์
และเมื่อประเด็นข้อพิพาทเรื่องอำนาจฟ้องยุติไปตามคำแถลงของจำเลย จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตามมาตรา
๒๔๙ วรรคแรก
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๐๒๒/๒๕๕๒ จำเลยทั้งสามได้ให้การต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้อง
โดยโต้เถียงความถูกต้องของหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้องคดีของโจทก์ไว้ แม้เป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
แต่ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสามได้แถลงขอสละประเด็นข้อต่อสู้เรื่องอำนาจฟ้องของโจทก์แล้ว
และจำเลยทั้งสามมิได้สืบพยานอีกด้วย
คดีในศาลชั้นต้นจึงไม่มีประเด็นข้อพิพาทในเรื่องอำนาจฟ้องตามคำให้การของจำเลยทั้งสามโดยจำเลยทั้งสามไม่ติดใจโต้เถียงเกี่ยวกับหนังสือมอบอำนาจดังกล่าวอีกต่อไป
การที่จำเลยทั้งสามยังคงอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลชั้นต้นว่าหนังสือมอบอำนาจให้ฟ้อง
คดีของโจทก์ไม่ถูกต้องอีก จึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น
แม้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยให้ก็เป็นการไม่ชอบ และต้องฟังว่าโจทก์มอบอำนาจฟ้องถูกต้องตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
(นอกจากนี้ขอให้ดู คำพิพากษาฎีกาที่ ๕๓๕๓/๒๕๕๒ เป็นกรณีที่อ้างว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง
เพราะไม่มีนิติสัมพันธ์กับจำเลย จำเลยลงชื่อเพียงให้ความยินยอม)
คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๐๕๔/๒๕๕๐
ผู้รับรองตาม ป.พ.พ. มาตรา ๙๒๗ ต้องผูกพันในอันจะจ่ายเงินจำนวนที่รับรองตามเนื้อความแห่งคำรับรองของตนตามมาตรา
๙๓๗ ธนาคาร น. ย่อมอยู่ในฐานะลูกหนี้ชั้นต้นอย่างเดียวกับจำเลยที่ ๑
ซึ่งเป็นผู้สั่งจ่าย ตั๋วแลกเงิน จำเลยที่ ๑
ไม่ได้อยู่ในฐานะที่มีความผูกพันอยู่แล้วก่อนธนาคาร น. ตาม มาตรา ๙๖๗ วรรคสาม
ดังนั้น เมื่อธนาคาร น. ได้จ่ายเงินให้บริษัท ต. ซึ่งเป็นผู้รับเงินไปแล้ว ธนาคาร
น. จึงหามีสิทธิไล่เบี้ยเอาแก่จำเลยที่ ๑ ผู้สั่งจ่ายได้ไม่ เมื่อไม่มีสิทธิไล่เบี้ยแล้วก็ย่อมไม่มีสิทธิเรียกร้องที่จะโอนให้แก่โจทก์
โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้ ปัญหาเรื่องอำนาจฟ้องเป็นปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน
แม้ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองจะสละประเด็นพิพาทข้อนี้ไปแล้ว
แต่จำเลยทั้งสองก็มีสิทธิยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์ได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา ๒๒๕
วรรคสอง
***คำพิพากษาฎีกาที่
๑๒๐๖/๒๕๔๐ และที่ ๑๐๒๒/๒๕๕๒ แตกต่างจาก คำพิพากษาฎีกาที่
๖๐๕๔/๒๕๕๐ ที่ว่า คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๐๖/๒๕๔๐ และ ที่
๑๐๒๒/๒๕๕๐ เป็นเรื่องอำนาจฟ้องตามกฎหมายวิธีสบัญญัติเมื่อสละแล้วก็ยุติ
แต่คำพิพากษาฎีกาที่ ๖๐๕๔/๒๕๕๐
เป็นเรื่องอำนาจฟ้องตามกฎหมายสาระบัญญัติ คือ โจทก์ไม่มีสิทธิตามกฎหมายที่จะเรียกร้องเอาจากจำเลยได้
แม้จำเลยจะเคยสละประเด็นพิพาทข้อนี้ไปแล้ว
ก็ยกขึ้นอุทธรณ์ได้ (แม้สละศาลก็หยิบยกได้)
คำพิพากษาฎีกาที่ ๑๒๕๙๕/๒๕๕๖ ปัญหาอำนาจฟ้องเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบ
แม้จำเลยจะแถลงต่อศาลชั้นต้นว่าขอสละประเด็นดังกล่าว ไม่ติดใจยกขึ้นเป็นข้อต่อสู้
เมื่อศาลฎีกาเห็นสมควร ย่อมมีอำนาจยกขึ้นได้
อ้างอิง รวมคำบรรยายเนติฯ วิชา กฏหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ภาค3 (ศอ.อรรถนิติ ดิษฐอำนาจ) เล่มที่8 การบรรยายครั้งที่7 ภาค2 สมัยที่70 .
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น